เที่ยวญีปุ่น ทริปตะลุยคิวชู 5 วัน 4 คืน ตอนสวัสดียูฟูอิน
คิวชูมีอะไร? ฟุกุโอกะ มีอะไร?
คือคำถามที่ฮานะจะต้องเจอ เมื่อบอกคนอื่นว่ากำลังจะไป “ฟุกุโอกะ”
แหม ญี่ปุ่นมันไม่ได้มีแค่โตเกียว เกียวโต โอซาก้า ซัปโปโรนะคะ
ญี่ปุ่น สำหรับฮานะนั้นสามารถเที่ยวได้ทั่วประเทศกันเลยล่ะค่ะ
แต่สาเหตุที่เลือกไปฟุกุโอกะ เพราะตั้งใจจะไปสัมผัสเมืองน่ารักที่ชื่อว่า “ยูฟูอิน”
เมืองที่คนไทยหลายคนบอกว่าเป็นปายของญี่ปุ่น
ภาพจาก www.awesomestories.com
ก่อนจะไปชมรีวิว มาดูกันก่อนว่าคิวชูอยู่ตรงไหนของญี่ปุ่น คิวชูนั้นเป็นเกาะทางใต้ ที่อยู่ตรงส่วนสีเขียวนั่นแล่ะค่ะ
หรือเรียกว่าเป็นส่วนหางมังกรซึ่งแผนที่ญี่ปุ่นนั้นจะมีรูปร่างเป็นเหมือนมังกร จุดเด่นของคิวชูคือมีสภาพอากาศที่
อบอุ่นกว่าภูมิภาคอื่นๆของญี่ปุ่นและยังเป็นแหล่งที่มีออนเซ็นธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากมาย และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็น
เสน่ห์ของคิวชูคือ เส้นทางรถไฟของ JR KYUSHU RAILWAY ซึ่งรถไฟของที่นี่ไม่ได้แข่งเรื่องความเร็ว แต่แข่ง
ในเรื่องดีไซน์ ที่เขาไม่ได้คิดเพียงว่ารถไฟคือพาหนะที่นำไปสู่จุดหมายปลายทาง แต่คิดว่ารถไฟคือความสนุก
และความสุขระหว่างเดินทาง โดยผู้ที่เป็นเจ้าของแนวคิดนี้คือ Eiji Mitooka คนที่สร้างรถไฟสายความสุขของ
คิวชูขึ้นมา และทริปนี้ฮานะจะพาไปสัมผัสรถไฟสุดน่ารักของคิวชูที่อัดแน่นไปด้วยความฝันทั้งขบวนเลยค่ะ
ก่อนจะไปชมการเดินทางมาชมแพลนในการเดินทางของฮานะกันก่อนค่ะ
วันที่ 1 ยูฟูอิน พักที่ Hasuwa
วันที่ 2 เบปปุพักที่ Nogamihonkan ryokan
วันที่ 3 คุมาโมโต้ นอนทีฮากาตะ Smile Hotel Hakata
วันที่ 4 ฮากะตะ Smile Hotel Hakata
วันที่ 5 กลับกรุงเทพ
เราออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 2.15 น. เครื่องบินบินประมาณ 6 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินฟุกุโอกะตอนเวลา 9.30 น.
เดินออกมางง!! จะไปยังไงต่อละหว่า น้องสาวของฮานะก็รีบชี้ป้ายตรงทางออก ซึ่งมีป้ายเขียนว่าเราต้องนั่งชัตเติ้ลบัสด้านนอกเพื่อไปนั่งรถไฟใต้ดินเข้าเมืองฟุกุโอกะ
ออกมารอรถชัตเติ้ลบัสไม่นาน รถก็มาถึงค่ะ
รถชัตเติ้ลบัสจะพาเราไปส่งที่ Domestic Terminal ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Fukuoka Airport
ซื้อตั๋วได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัตินะคะ หรือถ้าใครมีบัตร IC Card อย่างเช่น Suica ก็ใช้ได้เลยค่ะ
มารอรถเข้าเมือง
ตัวสนามบินนั้นอยู่ภายในเมืองฟุกุโอกะเลยค่ะ เราเลยใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น จุดหมายของเราคือสถานี Hakata ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใจกลางเมืองและเป็นจุดที่สามารถนั่งรถไฟไปที่ต่างๆ ในคิวชูได้
พอมาถึงสถานี Hakata ก็เดินหาที่ขายตั๋วของ JR KYUSHU RAILWAY ค่ะ
เจอแล้วค่ะแอบหลงไปนิดนึง เพราะเจอเคาน์เตอร์ของเจอาร์ แต่พนักงานบอกว่าไม่ได้ขาย JR KYUSHU RAIL PASS ก็เลยต้องเดินหาเคาน์เตอร์ของเจอาร์คิวชู ซึ่งก็ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก
เราวางแพลนว่าจะเที่ยวเฉพาะคิวชูตอนเหนือ ดังนั้นเราเลยเลือก JR KYUSHU RAIL PASS in the nortern Kyushu area สำหรับ 3 วัน โดยจะต้องใช้ติดต่อกันทั้ง 3 วัน ราคา 7,200 เยน โดยตั้งใจว่าจะนั่ง Yufuin no Mori ซึ่งเป็นหนึ่งในรถไฟที่ดีไซน์สวยของคิวชู แต่เสียดายวันนี้เต็มทุกรอบเลยค่ะ ก็เลยเลือกนั่งแบบ LTD. EXP YUFU 3 รอบเวลาเที่ยง 20 นาที แต่กว่ารถจะมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงเลยตกลงกับน้องสาวว่าจะหาอะไรทานก่อน
โดยภายในสถานี Hakata เขาจะมีร้านอาหารมากมาย ราคาไม่แพงมากให้เลือกทาน เราทั้งสองก็เลยมาจบกันที่ร้านเบอร์เกอร์เนื้อร้านนี้ค่ะน่ากินมากๆ
รสชาติอร่อยเว่อร์ค่ะ เนื้อนุ่มมากๆ ตัวซอสก็อร่อย อร่อยแบบนี้เลยต้องขออวดเพื่อนด้วยการถ่ายรูปแชร์ผ่านไวไฟของ Samurai Wifi ที่เราทำการเช่าเครื่องมาจากเมืองไทย
ขอเล่าเรื่องพ็อคเก็ตไวไฟตัวนี้นิดนึงนะคะ ฮานะว่าควรจะต้องพกเอาไว้เลยล่ะค่ะสำหรับคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะฮานะได้เจ้าเครื่องนี้แหละที่ช่วยหาตารางรถไฟ หาแผนที่ที่พักผ่านกูเกิลแม็พ และอัพรูปสวยๆ ให้เพื่อนๆ ที่เมืองไทยชม ซึ่งการใช้งานก็ง่ายมากเปิดเครื่องแล้วเปิดไวไฟที่มือถือเรา แล้วก็หาชื่อของไวไฟตัวนี้จากนั้นก็ใส่รหัสผ่านซึ่งจะอยู่ด้านหลังเครื่อง เพียงเท่านี้ก็เชื่อมต่อได้แล้วค่ะ ซึ่งตลอดทริปสัญญาณไวไฟใช้ดีมากๆ ไม่มีสัญญาณขาดหายเลยค่ะ แบตก็อยู่ได้นานมากๆ ฮานะชาร์จไปแค่ครั้งเดียวเองค่ะ ใช้ดีแบบนี้เลยขอมาบอกต่อให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังไปเที่ยวญี่ปุ่น
ใครสนใจก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ http://www.bs-mobile.jp/th/
มาแล้วค่ะรถไฟของเรา เห็นแล้วก็ปิ๊งเลย เป็นรถไฟสีแดงเข้มที่เท่มากๆ
บรรยากาศด้านในจะเน้นการดีไซน์ที่สบายน่านั่ง โดยใชวัสดุจากไม้ และเลือกสีเบาะ สีม่านให้ดูสบายตาผ่อนคลาย
นั่งรถไฟมาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ “ยูฟูอิน” เมืองสุดน่ารักที่ใฝ่ฝันมานาน พอลงมาก็เจอนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่น เกาหลี จีน และคนไทย ส่วนฝรั่งนี่แทบจะนับคนได้ แต่ที่แปลกใจมากๆคือชาวเกาหลีใต้ที่มาเที่ยวที่นี่เยอะมากๆ อาจจะเนื่องจากเกาะคิวชูนั้นตั้งอยู่ใกล้ประเทศเกาหลีใต้ แค่นั่งเรือมาก็ถึงญี่ปุ่นแล้ว
แต่ก่อนอื่นต้องหาที่พักก่อน!!!
เปิดแผนที่อากู๋เกิ้ลแม็ปแล้วก็เริ่มเดินกันเลยค่ะ ภาพต่อไปนี้จะเป็นภาพจากกูเกิ้ลแม็ปนะคะเพราะฮานะเผลอลบไฟล์ภาพช่วงนี้ไป T_T
ภาพจาก Google Map
เริ่มจากเดินออกจากสถานียูฟูอินมาก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ตามทาง
ภาพจาก Google Map
เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอทางแยกแบบนี้ก็ให้เลี้ยวขวาค่ะ
ภาพจาก Google Map
เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานสีฟ้าแบบนี้ข้ามสะพานนี้ไปก็ใกล้ถึงแล้วค่ะ
ภาพจาก Google Map
จากสะพานเดินตรงมานิดนึงก็จะพบจุดสังเกตเป็นเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมก็เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยตรงเสาไฟฟ้าเลยค่ะ
ภาพจาก Google Map
เดินขึ้นเนินมาเล็กน้อยก็จะเจอทางแยกแบบนี้ก็เลี้ยวขวาค่ะ
ภาพจาก Google Map
แล้วก็เลี้ยวขวาอีกครั้งหนึ่ง
ถึงแล้วค่ะ มาถึงก็ประทับใจเลยล่ะค่ะ เพราะห้องพักน่ารักมาก และคุณป้าผู้ดูแลก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้แต่ไม่มากเท่าไรนะคะ พอสื่อสารกันได้ คุณป้าพาเราไปชมห้องพัก ซึ่งห้องพักของที่นี่มีไม่เยอะค่ะ กะโดยประมาณ น่าจะอยู่ที่ 5-6 ห้องเท่านั้น ห้องพักของที่นี่จะเป็นสไตล์เรียวกัง ห้องกว้างมากสามารถนอนได้ถึง 4 คนเลยล่ะค่ะ ภายในห้องปูเสื่อตาตามิ เวลานอนจะมีพนักงานมาปูที่นอนให้
ภาพจาก agoda.com
ภาพจาก agoda.com
ส่วนภายในห้องจะมีชุดยูกาตะเตรียมไว้ให้ ทีวี โต๊ะโคทัตสึ ฮานะชอบมากเวลาหนาวๆ เอาเท้าเข้าไปในโต๊ะนี้อุ่นสุดๆ มีชา กระติกน้ำร้อน และขนมเอาไว้ทานกับชาอร่อยด้วย และมีห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องแต่จะไม่มีห้องอาบน้ำนะคะ ซึ่งเราจะต้องไปอาบน้ำที่ออนเซ็นซึ่งจะตั้งแยกจากโซนห้องพัก จะมี 2 ห้อง แบ่งเป็นห้องเล็กและห้องใหญ่ จะมาใช้ตอนไหนก็ได้ไม่ต้องลงชื่อจอง และเป็นออนเซ็นแบบไพรเวต เป็นส่วนตัวและสะอาดมากๆ แต่แนะนำว่าถ้ามาเป็นครอบครัวหรือมากับเพื่อนก็ลงแช่พร้อมกันเลยนะคะ จะได้ไม่เสียเวลา ส่วนใครที่กลัวเขินก็ไม่ต้องกลัวค่ะเพราะภายในห้องออนเซ็นถ้าไม่ได้เปิดไฟก็จะมืดๆ พอลงน้ำก็ไม่เห็นอะไรแล้วค่ะ แต่ถ้าใครอยากเห็นก็เปิดไฟได้นะคะ ส่วนวิธีการใช้ออนเซ็นฮานะจะเขียนย่อๆ ตามนี้นะคะ
1. พอเข้าไปปุ๊บก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดนำเสื้อผ้าใส่ในตะกร้า
2. อาบน้ำชำระร่างกายจากฝักบัว
3. แล้วก็ลงแช่ออนเซ็นโดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าลงไป ห้ามขัด ห้ามถู ห้ามซักผ้า ห้ามอึ(คงไม่มีใครทำนะคะ) ห้ามฉี่ในน้ำออนเซ็นเด็ดขาด เพราะจะต้องมีคนมาแช่ต่อ ยังไงก็ช่วยกันรักษาความสะอาดให้เขาด้วยนะคะ เราจะได้เป็นนักท่องเที่ยวที่ดีในสายตาคนญี่ปุ่น ส่วนการแช่ก็ไม่ควรแช่นานมาก ควรใช้เวลาแช่แค่ประมาณ 10-15 นาที เพราะถ้าแช่นานอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
4.ไม่ควรแช่ออนเซ็นหลังจากทานข้าวเสร็จใหม่ๆ หรือหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ฮานะขอเล่าเสต็ปในการลงออนเซ็นให้ฟังกันหน่อย เพราะฮานะกว่าจะลงแช่ได้นั้นใช้เวลานานและยากมากๆ เพราะอุณภูมิของน้ำนั้นร้อนเกือบ 50 องศา กว่าจะลงไปได้ทีละเสต็ปต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่พอลงไปก็ไม่อยากขึ้นเลยค่ะ มันสบาย ผ่อนคลายมากๆ มันเหมือนน้ำแร่ช่วยให้อาการปวดเมื่อยต่างๆ ในร่างกายของเราหายไป
ค่าเสียหายของ Hasuwa นั้นคนละ 7,000 เยน/คน ไม่รวมอาหาร ถ้าต้องการอาหารเช้าก็เพิ่มเงินอีก 900 เยน ถ้าต้องหารอาหารค่ำก็เพิ่มเงินอีก 2,200 เยน คือถ้าเอาทั้งหมดก็ตกคนละประมาณ 10,000 เยน หรือ 3,000 บาทต่อคืน แต่ราคานี้ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคสำหรับเรียวกังในญี่ปุ่นแล้วนะคะ เพราะจากที่ฮานะเช็คมา ที่พักพร้อมเรียวกังส่วนตัว ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 15,000 เยน ++ / คน ทั้งนั้น
ส่วนฮานะนั้นจองเฉพาะอาหารเย็นค่ะ เพราะมีคนบอกว่าอาหารของที่นี่อร่อยมากๆๆๆ ส่วนอาหารเช้าก็กะว่าค่อยไปหาทานแถวหน้าสถานีรถไฟวันพรุ่งนี้แทน
ใครสนใจก็สามารถจอง Hasuwa Inn ได้ที่นี่เลยค่ะ
หลังจากนำกระเป๋าไปเก็บคุณป้าคนดูแลก็บอกว่าจะขี่จักรยานไปปั่นเล่นก็ได้นะ ฟรี เราสองคนตาลุกวาวเลยค่ะ แต่เสียดายที่ตอนนี้จักรยานไม่ว่างเพราะเขามีจำนวนจำกัดก็เลยนัดกับน้องสาวว่าพรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้า ปั่นไปเที่ยวชมเมือง แต่วันนี้เลยเดินเล่นสำรวจเมืองยูฟูอินยามเย็นแทน
จากที่พักเราเดินมาบริเวณหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งแถวนี้จะมีร้านน่ารักมากมาย ทั้งคาเฟ่ ร้านขายของแฮนด์เมด ร้านเบเกอรี่ ที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฟากของถนน แค่เดินชมการตกแต่งหน้าร้านของแต่ละร้านก็เพลินแล้วล่ะค่ะ
เดินมาเจอช้อปของสตูดิโอจิบลิ ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ผลิตแอนิเมชั่นชื่อดังมากมาย เช่นเรื่อง My Neighbor Totoro, Spirited Away, Ponyo ฮานะกับยัยน้องสาวที่เป็นแฟนการ์ตูนค่ายนี้อย่างเหนียวแน่นก็แทบจะกระโจนเข้าร้านเมื่อเห็นเจ้าโตโตโร่ตัวนี้ตั้งอยู่หน้าร้าน
นอกจากนี้ยังมีร้านขายสินค้ามือสองเช่นเสื้อผ้า กระเป๋า กระเป๋าตังค์อีกมากมาย แนววินเทจ ราคาก็ถูกมากๆ เลยค่ะ ช้อปเพลินมากๆ
ตรงนี้จะเป็นส่วนร้านที่เป็นบ้านเก่า มีร้านอาหาร ร้านขายของฝาก แต่ฮานะมาตอนเย็นแล้วเลยค่อนข้างเงียบเหงา
เดินไปเที่ยวต่อที่ Yufuin Floral Village ซึ่งเป็นเหมือนบ้านยุโรปจำลอง เหมาะกับเป็นสถานที่มาถ่ายรูปสวยๆ
ตัวร้านรวงต่างๆ ทำด้วยอิฐ พื้นที่ในนี้ไม่ค่อยกว้างเท่าไรนะคะ เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว
ช้อปคิตตี้ที่ฉากหลังเป็นภูเขา วิวสวยมากๆ
เดินจนฟ้าเริ่มมืด อากาศก็หนาวขึ้นมากๆ ฮานะกับน้องสาวเลยตัดสินใจเดินกลับที่พัก
พอกลับมาถึงก็ถึงเวลาทานอาหารเลยล่ะค่ะ ทางที่พักจัดอาหารเป็นเซ็ต ตอนแรกดูจากหน้าตาเหมือนจะจืดๆ นะคะ แต่ลองทานปุ๊บ ก็ติดใจเลย เพราะอร่อยมากๆ ยิ่งข้าวของเขานะคะ หอม อร่อย เป็นข้าวญี่ปุ่นที่ฮานะรู้สึกว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมา แถมยังมีสาเกให้เราดื่มอีกด้วย เป็นมื้อที่อร่อยและมีความสุขมากๆ
พอกลับมาถึงห้องพักก็เห็นภาพนี้ค่ะ ที่นอนฟูตงที่มีคนมาปูให้เสร็จสรรพ นุ่มน่าทิ้งตัวลงไปนอนมากๆ ทานอาหารอร่อยๆ ไปแช่ออนเซ็นจนสบายตัว แล้วกลับมาจิบเหล้าบ๊วยที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ แล้วนอนในฟุตงหนานุ่มท่ามกลางอากาศหนาวๆ ชีวิตทำไมมันช่างดี๊ดีขนาดนี้นะ
คืนนี้หลับไปด้วยมวลแห่งความสุขที่อบอวลไปทั่วหัวใจเราทั้งสองคน ส่วนเช้าพรุ่งนี้เรามีไฮไลท์ที่ราสองคนแทบจะกรี๊ดเลยล่ะค่ะ รอติดตาม เที่ยวญีปุ่น ทริปตะลุยคิวชู 5 วัน 4 คืน ตอนที่สองกันนะคะ
เรื่องและภาพโดยนางสาวฮานะ